วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2558

รีวิว Sennheiser mx400

อ้างอิงจาก http://forums.ขั้นเทพ.com


Review sennheiser mx400

สวัสดีชาวขั้นเทพ ทุกท่านครับ ว่าจะทำรีวิวเปรียบเทียบ samsung pk2 Vs meizu ep 10 แต่ผมก็ดันให้เพื่อนยืม น้องหมวยไป เลยทำไม่ได้ (วันนี้ว่าจะไปเอาคืนแล้วเอาให้มันเอาตัวใหม่ไปลองฟัง)
 Sennheiser Mx 400 เคยเป็นกระแสอย่างจงหนัก ในเว็ปเขียวมาแล้ว บ้างก็ว่าเสียงดีสุดตรีนคุ้มราคามาาาาาก บ้างก็บอกว่าเอามาโมดิฟาย เบิร์นดีๆมีอนาคต ผมก็เลยอยากรู้อยากเห็นว่ามันจะสุดตรีนเหมือนเค้าว่ากันไหม เลยมาถามท่านวีว่า มีขายอ่ะป่าว ท่านวีบอกว่าไม่มี  :nose!:  
ผ่านไป 1 ปี ผมเพิ่งได้มา   :ahhh!:
รายละเอียดของหูฟังตัวนี้ครับ
Specifications:1) Driver Unit:10mm2) Frequency Response: 18Hz-20000 kHz3) Speaker Impedance: 32 Ohm4) Sensitivity: 119 dB5) Plug: 3.5mm Stereo6) Cable Length: 1 M7) Weight: 6 g9) Color: Black
สัมผัสแรก ที่ได้พบเจอหน้าเธอ วัสดุและงานประกอบดี และดูเหมือนว่าสายของมันจะดูดีที่สุด(นุ่ม หนาๆ น่าจะทนมือทนตรีนได้ดี)ในบรรดาEarbud ที่ผมถือครองอยู่ หน้าตาก็ฝาแฝดกับoppo 2.5 เลยครับ แต่สีจะมันวาวกว่า ตัวอักษรไม่ลอกล่อนเร็วเท่า oppo 

ว่าด้วยเรื่องของเสียง เสียบเข้าหูปุ๊ปวินาทีแรก Shock เลยครับ เห้ยทำไมไม่ได้ยินอะไรเลยว่ะ? :shock2!: ที่แท้ผมลืมเปิด Volume  หลังจากจัดแจงเปิดให้เรียบร้อย ผมก็ต้อง Shock เป็นครั้งที่2 เนื่องจาก เสียงที่ได้ยิน ช่างกิ๊กก๊อก และ ห่วยแตก อะไรเช่นนี้ ลักษณะเสียงคือ เวทีเสียงแคบ เสียงร้องชัด กรุ้งกริ้งหาไม่เจอ ส่วนเสียงสูงก็สูงจนเสียดหู เบสไม่มีเลย
 :solo!: ผมก็ได้แต่ปลอบใจตัวเอง ว่าเฮ้ย...หูฟังมันต้องเบิร์น เว็ปเขียวเขาบอกว่าเบิร์นดีๆ มีอนาคต ผ่านไป 50 ชั่วโมงกลับมาฟังอีกทีเสียงก็ยังเหมือนเดิม หลังจากผ่านไป 200 ชั่วโมงนั่นแหละครับผมกลับมาฟังอีกที เสียงดีขึ้นมากเลยครับ เลยจับเบิร์นไปอีก 50 ชั่วโมงรวมเป็น 250 ชั่วโมง แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงล่ะ โดยรายละเอียดของเสียง มีดังต่อไปนี้

1. เบส/กลอง เบสจะดูดีกว่า Samsung pk2 นิดหน่อย และยังสู้เบสของMeizu ep10ไม่ได้ครับ ถือว่าเป็นหูฟังที่เบสน้อยนิด เท่าจิ๋มมดอยู่ดีครับ(ถ้าจะเอาเบสไปเทียบกับ Ds300 /N98 /Oppo 2.5 คนละเรื่องกันเลยครับ เลยเทียบกับตัวที่เบสน้อยๆด้วยกัน) เรื่องกลอง ดูดีกว่า Samsung Pk2 แต่ว่ามิติของกลองนั้นกระจุกอยู่ตรงกลาง ไล่ระดับเสียงไม่ค่อยจะดีเลย

2. กลาง/ร้อง ถือว่าเป็นจุดเด่นเลยก็ว่าได้ เพราะเสียงร้องมาเต็มมากชัดถ้อยชัดคำ พุ่งปริดๆ เลยทีเดียว ดูดีกว่า Oppo 2.5/ Samsung pk 2 / N98 / Ds300

3. สูง/กรุ้งกริ้ง ตัวนี้เป็นทั้งข้อเด่นและข้อด้อยด้วยครับ เรื่องเสียงสูงเป็นหูฟังที่มีเสียงสูงไปไกลที่สุดจากทั้งหมดที่ผมถือครองอยู่ แต่เนื่องด้วยเวทีเสียงที่แคบ มันอาจทำให้บางคนรู้สึกอัดอัดก็ได้ ส่วนเรื่องกรุ้งกริ้ง ก็ทำได้ดีครับ จัดจ้านกว่าและขยับเข้ามาใกล้ๆหูมากกว่า Samsung pk 2 / Meizu ep 10 / Oppo 2.5 /N98 /DS300

4. แรงกระแทกขี้หู ดีกว่า Samsung pk 2 ครับ แต่ก็ยังถือว่าน้อยมากอยู่ดี 

5. เวทีเสียง กว้างกว่า N 98 และ Ds300 แคบกว่า Samsung pk 2 และ Oppo 2.5 และ Meizu ep 10

6.  มิติ/ไล่ระดับเสียง สลับซ้ายขวา ไม่ค่อยมีลวดลายกับเขาสักเท่าไหร่ คือ ดนตรีและเสียงร้อง พุ่งออกมาตรงๆเลย ไม่ได้โอบล้อมเหมือน Samsung pk 2 การไล่ระดับเสียง สลับไปมาซ้ายขวา ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ จะกระจุกอยู่ตรงกลางสะมากกว่า

7.  ปัญหา ส จ ซ ช จะพบเจอเป็นบางเพลง


ข้อเสนอแนะ  :yellou!:
1.Sennheiser Mx 400 ไม่ได้เหมาะกับคนที่จะฟังเอามันส์ แต่อย่างใด
2. หูตัวนี้เหมาะกับคนที่ต้องการฟังเสียงร้องหรือ แกะ ลายกีต้าร์ เพราะเสียงจะชัดมาก (เหมาะกับเพลงแนว acoustic ด้วย)
3. หูฟังตัวนี้ ถึงจะเบสน้อย แต่ไม่ได้ให้แนวเสียงที่อบอุ่น หรือ อิ่ม แต่อย่างใด
4. ข้อนี้โดยส่วนตัว หูฟังตัวนี้ ฟังเพลงของ silly fool ไม่Work เลย เพราะมันเสียงสูงและแคบ รู้สึกรำคาญ
5. หูฟังตัวนี้มี อนาคตจริงๆนะครับ ถ้านำไปโมดิฟาย
6. สายหูฟัง และ งานประกอบดีมาก แต่แจ๊ค ไม่ได้เคลือบสีทอง
7. นวมหูฟังที่แถม มาขาดง่ายมากกกกก

ขอขอบคุณ  DotAlism_JP  http://forums.ขั้นเทพ.com

รีวิว Sony MDR-E888

อ้างอิงจาก http://pantip.com/




Review หูฟัง Sony MDR-E888


สวัสดีชาว Gadget ทุกท่านด้วยนะครับ ปกติผมไม่ค่อยได้โพส ไม่ค่อยได้รีวิวอะไรหรอกครับ
วันนี้ ขอมารีวิวให้ทุกท่านได้ลองอ่านแล้วกันครับ ^^

*** รีวิว หูฟัง Sony E888 (ตองฉงน) ***


ความจริงแล้ว หูฟัง Sony E888 เป็นหูฟังอีกตัวหนึ่งที่มีการรีวิวเกิดขึ้นมามากมาย หลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเมดอินไทยแลนด์ /
เมดอินเจแปน หรือ เมดอินจีนก็ตามที... หลายท่านอ่านมาถึงตรงนี้แล้วเกิดความสงสัย?

แล้วผมจะมารีวิวซ้ำอีกทำไม!!! ในเมื่อมีหลายท่านเค้าได้รีวิวไว้แล้ว
แต่หูฟัง Sony E888 ที่อยู่ในมือผมตอนนี้ ผมว่าไม่ธรรมดาแน่ๆ ครับ น่าสนใจมากเสียจนผมเก็บความรู้สึกไว้คนเดียวไม่ได้ เลยมาเขียนรีวิวดีกว่า


รูปร่างภายนอกก็เหมือน E888 Japan ทั่วๆ ไปครับ ไม่มีอะไรน่าสนใจ ในส่วนนี้เราไม่ต้องสนใจครับ ใครเคยมีหูฟัง E888  ตัวที่ผมรีวิวก็หน้าตาแบบนั้นเหมือนกันครับ

แต่น่าสนใจ คือ รูระบายด้านหลัง Body ของหูฟัง มันใหญ่กว่าปกติ และสกรีน L / R ที่กดร่องลงไป ซึ่งตามปกติแล้ว  E888 จะมีรูระบายด้านหลัง  Body ขนาดเล็ก และสกรีน L / R จะเป็นสีขาวเฉยๆ ไม่กดร่องลงไป


หลายท่านพอรู้ดังนี้แล้ว ผมว่าเกินครึ่งต้องบอกว่า E888 ตัวนี้เป็นของปลอมสินะครับ ในตอนแรกผมก็คิดแบบนั้นแหละ แต่ผมมี E888 Japan ของผมเองนี่ล่ะอีกตัวนึง จำเสียงกันได้ดี เพราะ เป็นหูของผมเอง ผมเลยลองฟังดูครับ จะได้หลายสงสัยซักที

หลังจากได้ฟังแล้วก็ตกใจครับ ยิ่งฟังก็ยิ่งงง ฟังไปฟังมาเริ่มงงหนัก จากที่คิดว่าปลอมแน่ๆ แต่ไม่ใช่เลยครับ ผมคิดผิด
เสียง E888 ตัวนี้เหมือนหู E888 ที่ผมมีเลยครับ เหมือนกันทั้งดนตรี เสียงร้อง เสียงแหลม สเตจ เหมือนกันอย่างกับแกะเลย

แต่สิ่งที่ไม่เหมือนก็คือเสียงเบสครับ E888 ของผมนั้นเสียงเบสนุ่มๆ ฟังสบายๆ แผ่วเบา
แต่เบสของ E888 ตัวที่รีวิวนั้น เป็นลูกๆ ชัดเจน อิมแพ็คสุดยอด ดีฟเบสก็ยังดีอีกด้วย
เรียกว่าทำเอาผมงงไปเลย ว่าเสียงอื่นๆ เหมือนกันขนาดนี้ ทำไมเบสต่างกันเยอะนัก
ฟังไป ฟังมา สรุปแล้วผมชอบมากกว่าตัวของผมซะอีก 555

ชื่อตองฉงนความจริงผมก็ไม่ทราบนะครับ ว่าใครเป็นคนตั้งให้หู E888 ตัวนี้ แต่ถ้าให้เดา ผมพอจะทราบที่มาที่ไปเลยว่าทำไมหูฟังตัวนี้ถึงได้รับการเรียกขานแบบนี้ ซึ่งน่าจะได้มาจากการที่ทำให้เหล่าผู้คนที่เคยได้ฟังก่อนหน้าผมนั้น เกิดอาการมึนๆ งงๆ แบบผมเป็นแน่แท้ครับ

กระทู้ที่ท่าน shaonandez ได้ตั้งเอาไว้ก่อนหน้านี้ ก็คือตัวเดียวกันนะครับ http://pantip.com/topic/23090370

จบแล้วครับ!!!
*******************************************************************************************

ไว้จะเขียนรีวิวอีกนะครับ หากมีโอกาส และสมาชิกท่านอื่นไม่เบื่อผมไปซะก่อน ช่วงนี้ห้องเราเงียบเหงาเหลือเกิน
ขอขอบคุณ คุณแมว (maew-kaew) สำหรับหูฟัง E888 ที่ได้ทำการรีวิว ร่วมถึงได้มอบประสบการณ์ใหม่ๆ ในการฟังเพลงของผมด้วยครับ
ขอขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาอ่านรีวิวของผมด้วยครับ ผิดผลาดประการใด ชี้แนะได้ ผมยินดีรับฟังและปรับปรุงครับ

ไว้พบกันโอกาสหน้า
สวัสดีครับ


ขอขอบคุณ oxymoron 22  http://pantip.com

รีวิว Sony MDR-E484

อ้างอิงจาก http://www.taf.in.th/

[Review] Earbud ในตำนาน กับ Sony MDR-E484



หูฟังตัวนี้ผมได้ยินชื่อเสียงของมันมานานมากแล้วครับ ตั้งแต่ก่อนที่จะได้ E888 มาใช้ซะอีก เพราะเค้าลือกันว่า ( เค้านี่คือคนใน head-fi และ อาจารย์ไมตรี ทรัพย์เอนกสันติ) มันคือ Earbud ที่ดีที่สุดเท่าที่คนเหล่านั้นฟังๆกันมา ผมก็เลยอยากลองเอามากๆ แต่ปัญหามันติดอยู่ตรงที่ มันเลิกผลิตตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว ทำให้ลำบากในการหามาลองมากๆ ส่วนใหญ่คนที่มีกัน ถ้าไม่สายเน่าก็ driver กลับบ้านเก่า เล่นเอาผมท้อจนคิดว่าไม่มีโอกาสจะได้ฟังแล้ว

ทว่า... ฟ้าก็เป็นใจ หูฟังตัวนี้ก็ได้หล่นมาสู่มือผมจนได้ ต้องขอบคุณคุณ seeker ที่อุตส่าห์ไปรื้อๆโต๊ะเล่นๆแล้วบังเอิญเจอมันนอนแอ้งแม้งอยู่ ไม่งั้น review อันนี้คงไม่เกิด  


แต่ตัวที่ได้มา ก็ไม่ได้อยู่ในสภาพสมบูรณ์เท่าไหร่ครับ เพราะมีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นกันบ้างเล็กน้อย เพราะต้องเอาเทปพันสายฟันมาพันตรงส่วนที่มันเปื่อย -_-'a ยังดีที่หูฟังใช้การได้เป็นปรกติ แค่มันใช้ได้ผมก็ดีใจจะแย่แล้วครับ 


เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า 


ถ้าใครเคยอ่านใน head-fi มาก่อนก็น่าจะได้ยินชื่อ E484 กันแล้ว คนที่เล่นหูฟังมานานก็น่าจะมีไว้ในครอบครองด้วยซ้ำ เพราะถือเป็นหูฟัง earbud ที่เสียงดีที่สุดในยุคนั้นเลยทีเดียว แต่ราคานี่ สมัยนั้นต้องถือว่า ค่อนข้างแพงเลยทีเดียว แถมยุคนั้นพวก IEM ก็ยังไม่ได้มามีบทบาทอะไรมากมายเหมือนสมัยนี้ ลำพัง earbud อย่าง E484 นี่ ก็ถือว่าแพงสุดๆแล้ว ( แต่ผมจำราคาไม่ได้... ) ตอนนั้นผมยังไม่คิดจะซื้อเลย เห็นอยู่ แต่ไม่คิดอยากจะลงทุนไปกับหูฟังแพงๆเท่าไหร่ ได้แต่มองเมินๆ แล้วมาเสียดายตอนนี้ แต่เชื่อว่า ถ้าผมได้มาตอนนั้น ก็คงไม่แคล้วสายเปื่อยเหมือนหลายๆคน  

เรื่องเสียงนี่ แรกๆผมก็ไม่ได้คาดหวังกับ 484 เท่าไหร่ เพราะยังไงมันก็ Earbud อีกอย่างผมเชื่อว่า E888 น่าจะเป็นตัวปรับปรุงจาก E484 มาแล้ว ดังนั้น Signature ก็น่าจะไม่หนีกัีนเท่าไหร่

แต่ปรากฏว่าผิดคาดครับ

E888 สู้ไม่ได้เลย  งงๆอยู่ว่า sony พัฒนายังไงให้หูฟังมันแย่ลง อาจจะเป็นเพราะ Trend ช่วงที่ E888 ออกมาเพื่อแทน E484 นั้น เน้นไปในเรื่องของมิติเสียงกลาง และการ Focus Image ทุกย่านเสียง ทำให้แนวเสียงของ E888 เลยเน้นไปในเรื่องการ Focus และความคมชัดของเสียงร้องมากกว่าจะเน้นในเรื่องของมวลแบบ E484 ซึ่ง เอาจริงๆผมก็ยังมองว่า แนวเสียงของ E888 ไม่สามารถต่อกรกับ E484 ได้เลย เรียกว่า คนละรุ่นไปเลยก็ว่าได้

แล้วเสียงมันเป็นแบบไหน ??

ถ้าพูดกันเรื่องมิติก่อน ผมถือว่า เป็นหูฟังที่ผมเพิ่งจะเคยได้ยินมิติเสียงแบบนี้ครับ การสร้าง image เสียงร้องจะโดนโยนไปอยู่ด้านหลังหัวทั้งหมด คล้ายๆกับพวก Audio-Technica A series อย่าง A900 , A950ltd อะไรทำนองนั้น แต่ว่า image ใหญ่กว่ากันเยอะครับ คือ image มีขนาดแบบเต็มๆไม่มีกั๊ก แต่ฟังแล้วไม่อึดอัด เพราะ soundstage ค่อนข้างกว้างเลยทีเดียว และเป็นหูฟังที่ผมฟังแล้วไม่ค่อยเครียดเรื่องจับตำแหน่งชิ้นดนตรีครับ เพราะปรกติ หูฟังที่ให้มิติไปด้านหลัง มักจะจับชิ้นดนตรีแบบสัมผัสได้ยาก เนื่องจากส่วนใหญ่จะค่อนข้างติดกับด้านหลังหัวเรามากกว่า แต่ E484 ให้มิติที่ไกลออกไปอีกครับ อารมณ์ประมาณว่ามีลำโพงอยู่ด้านหลังหัวเราตลอดเวลาเลยน่ะครับ และชิ้นดนตรีทุกชิ้นก็ไม่ได้แบนเป็นหน้ากระดาน แต่มีความเป็น 3 มิติค่อนข้างสูง ทำให้การวาง image อยู่ในระนาบที่ค่อนข้างสมจริง ไม่ได้ลอยตัวอยู่กลางอากาศเหมือนหูฟังบางตัว ( แต่บางชิ้นดนตรีก็มีลอยๆบ้าง ) เสียตรงมิติเสียงกลางไม่ค่อยลึกเท่าไหร่ ถ้านึกภาพมิติตัวนี้ไม่ออก เลยนึกถึง Super.fi 5 pro + A900 ครับ จะได้สไตล์มิติที่ใกล้เคียงกับ E484 เลยทีเดียว ( แต่ไม่เหมือนนะครับ  ) เพราะลักษณะของ soundstage เป็นรูปแบบลูกรักบี้แนวนอนที่ป่องไปด้านหลังน่ะครับ โดยรวมผมว่า ให้มิติที่ใหญ่เกินตัวทีเดียวครับ เริ่มจะออกไปทาง Fullsize แล้วสำหรับตัวนี้

เสียงกลางมีมวลที่หนา และด้วยขนาด image ที่ใหญ่ทำให้สัมผัสชิ้นดนตรีได้เต็มอิ่มมาก แต่ด้วยความที่ช่วง Dynamic-Impact ของเสียงกลางไม่ได้กระแทกกระทั้นเท่าพวก IEM ทั้งหลาย ดังนั้นบางคนอาจจะรู้สึกว่ากลองลงไม่หนักเท่าที่เคยได้ยิน แต่ผมว่า น้ำหนักมันกำลังดีแล้วครับ ถ้าใครฟังหูฟังเสียงกลองหนักๆมาก็จะรู้สึกเหมือนผมว่า กลองมันแผ่วไปนิดนึง และเสียงกลางจะติดขุ่นเล็กน้อย คือ เหมือนจะทำให้มันออกโทนนุ่มลงมานิดนึง ทำให้สแนร์มันไม่กระจ่างเหมือนปรกติที่ผมเคยได้ยิน ผมเชื่อว่า เค้าน่าจะออกแบบมาเพื่อเน้นอารมณ์ในการฟังเพลงมากกว่าเน้นให้คนมาฟังเพื่อจับผิดเพลงน่ะครับ เสียงกลางเลยออกมาสไตล์แบบนี้ แต่น้ำหนักของทั้งสแนร์ ทอม ไม่มีแผ่วนะครับ ฟังแบบไม่เทียบกับใครก็ถือว่าลงน้ำหนักได้ดีแล้วครับ ( แต่ฟังกับกลองแจ๊สแล้ว Match เลย )

ช่วง Vocal นี่ผมเคยได้ยินหลายๆคนบอกว่าหวาน แต่ผมฟังเองรู้สึกว่ามันก็ไม่ได้หวานอะไรมากมายครับ ออกแนวหนาๆ อิ่มๆซะมากกว่า ถ้าจะหวานก็น่าจะหวานกว่า E888 เล็กน้่อยน่ะครับ สไตล์คล้ายๆ UM2 นั่นแหละครับ แต่ผมว่ามันขุ่นน้อยกว่า UM2 นะ โดยรวมผมถือว่าดีทีเดียวครับ ถึงแม้น้ำเสียงจะดูไม่ค่อยเปิดเหมือน E888 แต่ให้ความรู้สึกของ image นักร้องที่ดีครับ มีความเป็นมิติมากๆ ไม่ได้แบนเป็นกระดานเหมือน earbud บางตัว ออกแนวนุ่มนวล อิ่ม และชัดเจนครับ แถมยังใหญ่สะใจด้วย เพลงที่อัดดีๆจะให้ความรู้่สึกเหมือนนักร้องกำลังยืนด้านหลังเราแล้วร้องเพลงให้ฟังน่ะครับ อย่างกับพกนักร้องไปฟังส่วนตัวตลอดเวลา  
การแยกแยะเสียง vocal ที่ซ้อนๆกันก็ทำได้ดีระดับนึงครับ คือไม่ได้ปนกันมั่วแน่นอน แต่การแยกของ 484 เป็นการแยกแบบเป็นมิติออกไป อย่างเสียงหลักก็จะเข้ามาใกล้เราหน่อย ส่วนเสียงรองก็ถอยออกไป step นึง ประมาณนี้น่ะครับ บางเพลงก็จะแยกออกไปในส่วนของมิติเสียงกลาง หรือตรง Headstage น่ะครับ ถ้าเป็นพวก Shure อย่าง E4C จะแยกแบบขึ้นไปส่วน headstage หมด เรียกว่าขาดกันไปเลย ตรงนี้ก็แล้วแต่ว่าใครจะชอบแบบไหนนะครับ ส่วนผมชอบหมดเลย

เสียงสูงเรียกว่าชัดเจนดีครับ มีความพริ้่วในระดับที่ดีมาก แถมช่วงปลายก็ไปได้่สุดเลยทีเดียว ตรงนี้จะดีกว่า UM2 ตรงที่เสียงสูงไม่ขุ่นครับ แถมยังชัดใสในระดับที่ดีเอามากๆ ยิ่งถ้าไม่ใส่ฟองน้ำนี่ พวกสายเครื่องสายจะยิ่งได้ยินไลน์แบบชัดเจนและสดขึ้นมากทีเดียว เพียงแต่หูฟังตัวนี้จำเป็นต้องใส่ฟองน้ำ ไม่งั้นมิติจะเสียครับ ทำให้พวกเครื่องสาย drop ลงเล็กน้อย เสียงไวโอลีนจะค่อนข้างโดนก่้อนใครเพื่อนครับ เพราะปรกติช่วงจังหวะที่ลากคันชักนี่ ถ้าเกิดไม่ใส่ฟองน้ำ เวลาลากขึ้นจะได้ยินการถ่ายน้ำหนักช่วงต้นไปยังปลายได้ดีครับ แต่พอใส่ฟองน้ำแล้ว ช่วงปลายๆมันเหมือนจะหายไปหน่อยน่ะครับ แถมความสดของเสียงก็ลดลงด้วย ถ้าฟังเพลง Classic ผมแนะนำให้ถอดออกเลยครับ จะช่วยให้เพราะขึ้นมาอีกนิดนึงครับ 
แต่เสียงแซ็คนีั่ขึ้นได้หวานใช้ได้ครับ ถ้าเอามาฟังแจ๊สแล้วอยากได้เสียงแซ็คหวานๆนี่ ตัวนี้ให้ได้เลยครับ แถมให้รายละเอียดเวลาที่แส้ของกลองแจ๊สเคาะลงบนแฉกับไฮแฮทได้ดีมากๆครับ จริงๆไม่ต้องกลองแจ๊สก็ได้ กลองธรรมดาก็ำทำได้ดีเหมือนกันครับสำหรับตรง เพราะได้ยินรายละเอียดชัดเจนว่าเคาะตรงจุดกลาง หรือปลายๆแฉ รวมทั้งรายละเอียดของไฮแฮทก็ชัดเจนมากๆครับ 


เรื่องเบสส่วนสำคัญระดับประเทศ  คือถ้าเอาตัวนี้เทียบกับ E888 ผมว่า เบสตัว E484 ดีกว่าครับ impact อาจจะไม่แรงเท่าไหร่ ( แรงกว่า E888 ) แต่ว่า Middle เบสตัว 484 นี่ทำได้ดีมากๆครับ มีความหนาและมี Melody เบสทีดีพอตัวทีเดียว ช่วงที่เดินโน้ตเบสตีคู่ไปกับกระเดื่องนี่ ผมได้ยินค่อนข้างชัดเจนทีเดียว แบบรู้ได้เลยว่ากำลังเดินเบสเกาะกับกระเดื่องไป ซึ่งปรกติผมฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่กับ E888 สำหรับจุดนี้ ( กับหูฟังหลายๆตัวด้วยครับ ) deep เบสก็มีแต่ไม่ได้ลากมากจนอืดอาดบวมน่าเบื่อ อยู่ในระดับที่มีคุณภาพดีทีเดียว image เบสใหญ่ แต่ไม่เว่อร์ และ Balance กับ image ย่านอื่นๆ ทำให้ไม่เด่นน่าเกลียด แถม impact ก็กำลังดี ไม่ได้มากหรือน้อยไป deep ก็ไม่ลึกมากเกิน ออกแนวๆนุ่มเล็กน้่อยด้วยซ้ำครับ 

โดยรวมถือว่าเป็นหูฟังที่ให้เสียงได้ดีตัวนึง มิติเสียงอยู่ในขั้นดีมาก เสียงก็อิ่มและหนา มวลเสียงดี เหมาะสำหรับฟังเพลง POP , Jazz , Classic และอื่นๆ ส่วน Rock ก็ฟังได้ไม่ขี้เหร่ครับ แต่ขา Dance นี่ผมไม่มั่นใจว่าจะชอบหรือเปล่า พอดีผมไม่ได้เอาเพลงแนว dance ลงในเครื่องแล้ว test น่ะครับ เท่าที่ฟังๆดูก็ํน่าจะไปไหวครับ 

ตัว E484 นี่ อาจารย์ไมตรีเองเคยบอกว่า มันให้น้ำเสียงใกล้เคียงกับลำโพงของมาร์คเลวินสัน แต่เผอิญผมไม่เคยฟัง เลยตอบไม่ได้ว่าเหมือนจริงหรือเปล่า  ทว่าเรื่องมิติกับ image นี่ผมยอมรับเลยว่า ทำได้ดีจริงๆสำหรับ earbud ใส่ฟังเพลงแล้วไม่รู้สึกว่ากำลังใส่ earbud เลยครับ ถ้าจะมีเก็บไว้ครอบครองซักตัวนี่ แทบไม่ต้องคิดมากเลยครับ เจอก็ซื้อได้เลย  ปัญหาคือมันไม่มีแล้วนี่สิ แย่เลย  


SPEC
====


ขนาด Driver : 16mm Twin TURBO)
Impedance : 18Ω
Sound Pressure level : 108dB/mW
Maximum Input : 50mW
Frequency Response : 8~27,000Hz
น้ำหนัก : 6.0g(ไม่รวมสาย )
Connector : 1.3m LC-OFC CLASS1

ขอขอบคุณ G-7  http://www.taf.in.th/

ความเป็นมา V-Diamond

อ้างอิงจาก http://www.forum.munkonggadget.com/


สำหรับท่านที่ยังไม่รู้จัก V-Diamond ผมขอเหล้า เอ้ยเล่าความเป็นมาสักนิดนะครับ

V-Diamond เป็นหูฟัง Earbud ตัว Top สุดของหูฟังกลุ่ม V-Friend (ไล่ลำดับได้ดังนี้ V-Friend , V-Gold , V-Gold lite , V-Diamond) V-

Diamond นอกจากจะเป็นหูฟังตัว Top สุดแล้วยังผลิตจำนวนจำกัดที่ 50 ตัวอีกด้วย ไม่ได้มีจำหน่ายตลอดเวลาเหมือนหูฟังตัวอื่น (V-Friend , V-Gold lite 

ยังมีจำหน่ายตามปกติ ส่วน V-Gold ของขาดตลาดไปจึงนำ V-Gold lite มาจำหน่ายแทน)

ที่จริงแล้วโปรเจค V-Diamond เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มทำ V-Friend แล้ว (ปี 53) ผมบอกกับเพื่อนหลายๆ คนว่าอยากจะทำหูฟังที่เสียงดีใกล้เคียงกับพวกหูในตำนาน

รุ่นเก่าเช่น Sony MDR-484 , Aiwa HPV-D9 หรือหูฟังที่เป็นที่นิยมในปัจจุบันเช่น Senn. MX980 , Yuin PK1, PK2 เป็นต้น แต่ตอนนั้นก็ได้แค่โม้แหละ

ครับเพราะมันหาวัตถุดิบไม่ได้

ปลายปี 55 หลังจากวางขาย V-Gold แล้วก็ทำให้ผมได้รู้จักเพื่อนอีกหลายๆ คน หนึ่งในนั้นคือคุณวัฒน์ (SamLawKa) และน้องต้อม (Chinobi) ผมไปพบ

คุณวัฒน์ที่เชียงใหม่ปลายปี 55 คุณวัฒน์เอาหูโมมาให้ผมฟังหลายสิบตัว มีหูตัวหนึ่งโดนใจผมมากถึงขนาดออกปากกับคุณวัฒน์ว่านี่แหละ V-Diamond ของผม 

วันนั้นผมเอาหูที่จะเป็น V-Diamond กลับมาตัวเดียว (ปล่อยให้คุณวัฒน์ขนหูที่เหลือกลับไป 555)

ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าจะเบิร์นยังไงทำยังไงด้วยซ้ำ ผมบอกว่ามันน่าจะต้องมีอะไรเบิร์นได้ดีๆ ผมมองว่าในเมื่อเป็น Diamond ทุกๆ อย่างต้องพิเศษ ก็เบิร์นด้วยของที่

ตัวเองมีไปเรื่อยๆ ก็ยังไม่ค่อยพอใจ แล้วก็เหมือนบุพเพอาละวาด 555 คุณวิท (wicbbl) ดันไปนำเครื่องบันทึกเสียงตัวหนึ่งเขามาให้ผมฟัง ซึ่งผมคิดว่าชาตินี้คงจะ

ไม่มีโอกาสได้ฟังมัน นั่นคือ Sony PCM-D1 ซึ่งถือว่าเป็น Recorder พกพาที่หายาก ราคาแพงและเสียงดีที่สุด (ราคา 2,000 เหรียญ ราว 60,000 บาท

ไทย)

พอฟังแล้วโดนเลยครับนี่แหละอุปกรณ์ที่จะมาเบิร์น V-Diamond กัดฟันขอซื้อต่อจากคุณวิท (ต้องขอขอบคุณมานะครับที่ให้ผ่อน คือที่จริงแกไม่ให้ผ่อนหรอกแต่

ผมก็หน้าด้านอ่ะนะ 555 ของราคาขนาดนั้นเงินเดือนผม 3 เดือนเชียวนะนั่น) เอาล่ะได้หูกับเครื่องเบิร์นที่คิดว่าดีที่สุดมาแล้ว เหลือไฟล์เพลง พยายามเพียรหาเพลง

ที่ให้มิติที่ดี มีย่านเสียงครบๆ ในที่สุดก็ได้ไฟล์ 24 bit อย่างดีมา เรียกว่าอะไรที่ผมคิดว่าดีที่สุดก็อยู่ใน V-Diamond นี่แหละครับ

V-Diamond ใช้เวลาเบิร์นนานครับ ตัวละประมาณ 15 วัน (เดือนหนึ่งทำได้เพียง 4 ตัวเท่านั้น) ต้องขอบคุณคุณเสกสรรค์ที่ถูกผมยุให้ซื้อ Sony D-1 มาช่วย

ผมเบิร์นจนได้ 555 และยังน้องปืนอีกคนที่ถูกมนต์เสน่ห์ Sony D-1 ก็ซื้อมาอีก 1 ตัว มาร่วมด้วยช่วยเบิร์น (เจ้าต้อมแซวว่าขี่ช้างจับตั๊กแตนชัดๆ ผมโวยจับมดโว้ย 

ตั๊กแตนมันใหญ่ไป 555)

แล้วในที่สุดหูฟังทั้งหมดก็เสร็จเรียบร้อย ถือว่าเป็นหูฟังที่กลุ่ม V-Friend ทุกคนทุ่มเทให้กันมันมากที่สุด ไดร์เวอร์เป็น Driver Japan สายสัญญาณดีที่สุดเท่าที่

จะหาได้ในปัจจุบัน (สายทองแดง OFC 99.99%) เครื่องเบิร์นที่ดีที่สุด (ของกลุ่ม Recorder) ไฟล์เพลงเบิร์น 24 bit ที่ดีที่สุด

แนวเสียงของ V-Diamond จะออกไปทางเสียงสะอาด มีเนื้อเสียงของชิ้นดนตรีใหญ่โต (แต่ไม่อึดอัดนะครับ) ชัดเจนทุกย่านเสียง ไม่มีสากเสี้ยนให้รำคาญใจ เวที

เสียงค่อนข้างใหญ่ (คล้าย Fullsize) เป็นสามมิติ มีเบสหนักแน่นกระชับและไม่กวนย่านอื่น ฟังเพลงได้หลากแนวมากตั้งแต่ Audiophile Pop Rock Jazz 

Hiphop ยันไปถึงลูกทุ่งเลยทีเดียว ฟังติดต่อกันได้นานไม่ล้าหู

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณเพื่อนๆ อีกหลายท่านที่อยู่เบื้องหลังที่ไม่ได้กล่าวถึง และขอบคุณเพื่อนๆ ที่ยังให้การต้อนรับหูฟังจากกลุ่ม V-Friend ด้วยดีเสมอมา 

ขอขอบคุณ sumat_kee  http://www.forum.munkonggadget.com/

รีวิว V-GOLD lite

อ้างอิงจาก http://pantip.com/


รีวิวV-GOLD lite

หน้าตา Body แบบเดียวกับ PK  

Body ตัวนี้ จะเล็กกว่ารุ้นเดิมแก้ปัญหาตัวเดิมที่มีบางท่านใส่ไม่ถนัด

แจ็ค แบบแจ็คงอ    สายสีน้ำตาลช็อคโกแลต (สีสวยดีครับ )  แบบสายสั้นข้างยาวข้าง

แนวเสียง ตามที่ sumat_kee แจ้งไว้ เสียง เหมือนV-GOLD แต่เบสจะน้อย กว่านิดเดียว ถ้าฟังแบบเทียบกัน


สนใจหูฟังตัวนี้ ติดต่อ ได้ที่  

https://www.facebook.com/pages/V-Friend/200264946672521

https://www.facebook.com/VGoldLite


ขอขอบคุณ tama2u  http://pantip.com/

รีวิว V-Gold

อ้างอิงจาก http://www.bloggang.com/



สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกของ  V-Gold  คร่าวๆ
-  ตัวบอดี้ยังคงเป็นแบบ  MX-400  หรือ  MX-500  สีน้ำเงิน  ตัว  V  สีทอง
-  สายเปลี่ยนไปใช้สายที่ดีขึ้นมาก  (คล้ายๆ  สาย  small talk  ของ  Nokia)  ไม่มีการพันกัน  หรือแข็งแน่นอน
-  มีขนาดยาวราวๆ  1.4  m  เป็นสาย  Y  แต่ข้างซ้ายจะสั้นกว่าข้างขวา  1  นิ้ว  เพื่อจะได้แยกแยะได้ง่าย
-  ขั้วแจ็คเป็นอลูมิเนียม
สำหรับเรื่องเสียง  V-Gold  จะต่างจาก  V-Friend  หลักๆ  ดังนี้
-  เสียงเบสใหญ่ขึ้นมาก  ใหญ่กว่าเดิมประมาณ  3  เท่า
-  เสียงร้องเสียงกลางดีขึ้น  หวานขึ้น  อิ่มขึ้น
-  รายละเอียดคล้ายกัน  แต่  V-Gold  เสียงร้องและเบสเด่น  ทำให้รายละเอียดกลายเป็น  background  แทน
-  เสียงมีมิติมากขึ้น
อุปกรณ์ที่แถม
-  แถมกล่องตลับเก็บหูฟัง
-  ถุงผ้า
-  แผ่น  Audio CD  1  แผ่น
ราคาจำหน่าย  ชุดละ  1,200  บาท  (รวมส่ง  EMS)  พิเศษสำหรับลูกค้า  V-Friend  ทุกๆ  ท่าน  รับสิทธิ์ซื้อ  V-Gold  ในราคา  1,100  บาท  เพียงแค่แจ้งว่าเคยซื้อ  V-Friend  ไปแล้ว  (ซึ่งผมมีรายชื่อทุกท่านอยู่แล้ว)
สุดท้ายขอขอบคุณทุกๆ  ท่านที่ให้ความสนใจ  และขอบคุณเพื่อนๆ  หลายๆ  ท่านที่ให้กำลังใจจนในที่สุดก็สามารถเริ่มผลิตได้สักที  (ใช้เวลาพัฒนาร่วมปีทีเดียว)  ขอบคุณมากครับ
We're Friend.

ขอขอบคุณ sumat_kee http://www.bloggang.com/

รีวิว V-Friend

อ้างอิงจาก http://www.bloggang.com/

Review หูฟังV-Friend หูฟังจากเพื่อนถึงเพื่อน

วันนี้มารีวิวหูฟังแนว โฮมเมด ครับ เป็นหูฟังแบบ Earbud ที่ทำขึ้นด้วยความตั้งใจที่จะมอบสิ่งดีๆให้กับเพื่อนนักฟังเพลง ที่นักฟังเพลงทุกคนสามารถครอบครองได้ สนนราคาเพียง 300 บาทเท่านั้นประเด็นไม่ใช่แค่ราคาถูกอย่างเดียวแต่หูฟังตัวนี้ถูกทำขึ้นด้วยความตั้งใจที่จะแบ่งปันสิ่งดีๆถึงเพื่อนๆนักฟังเพลงด้วยกันครับ หูฟังตัวนี้ถูกพัฒนาขึ้นจากความตั้งใจของ คุณสุเมธและคุณ xxxpro แห่งห้อง gadget เอาล่ะหลังจากที่เกริ่นมาแล้วเรามาพูดกันถึงเรื่องเสียงดีกว่าครับ

หลังจากที่ผมได้รับมาหนึ่งอาทิตย์แล้วก็ฟังตลอดระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ เรียกว่าได้รับมาแกะห่อเสียบไอพอด ฟังครั้งแรกถึงกับอึ้งในเรื่องของเสียงอยากจะบอกว่ามันอิ่มตัวและดีอยู่แล้ว ตอนแรกลองเบิรน์ด้วยไฟล์พรีเบริน์ แต่เปลี่ยนใจกลัวเสียงจะเพี้ยน เพราะชอบเสียงตอนแรกเลยเลิกความคิดที่จะเบริน์ หันมาลองฟังกับเพลงแนวต่างๆ ดู เรื่องของแนวเสียงหูตัวนี้ให้แนวเสียงสะอาด สดใส ไม่มีหม่นหมอง ผมลองกับเพลงทุกแนว ทั้ง pop jazz rock electronic concert snsd 4minutes สรุปฟังสนุกได้ทุกแนวไม่เกี่ยงงอน รายละเอียดเสียงเครื่องดนตรีมาครบวงครับ เสียงฉิ่งฉับ สดใส ไม่บาดหู ไลน์เบส เสียงกีตาร์ชัดเจน ไม่หลบ เบสลึกมีครับแต่ไม่หนักหน่วงมาก ถ้าใครชื่นชอบกินเด็ก!เอ๊ย!เบสเป็นของว่าง แนะนำเล่นกับเครื่องเล่นพวกโซนี่ เลยครับเพราะเบสมีมาเป็นลูกๆเหมือนกัน ผมลองกับเพลงพวกสาวๆ kpop ฟังเเล้วอยากไปเกาะขอบเวทีเลยคร้าบ ส่วนแนว jazz concert ผมลองกับ ไอพอด เจน4 ขาวดำ ด้วยไฟล์ flac เรียกว่าแจ่มเลยล่ะคร้าบ พูดได้ว่า สุขใจเมื่อได้ฟัง สบายใจเมื่อมีครอบครอง คร้าบ



ขอขอบคุณ Piggypop Diary http://www.bloggang.com/

รีวิว PK1!

อ้างอิงจาก http://jujeedeeda.blogspot.com/


[Review] Yuin PK1 ที่สุดของ EarBud


วันนี้ผมได้ไปซื้อหูฟังที่อยากได้มานาน นั่นคือ Yuin PK1 ซึ่งเป็นหูฟังประเภท Ear Bud หลาย ๆ คนอาจจะงง ว่า Ear Bud คืออะไร ก็คือแบบที่ไม่ได้ยัดเข้าไปในรูหูของเรา แบบใส่สบาย ๆ อ่ะคับ และที่บอกว่า เจ้าตัวนี้ คือที่สุดของ Ear Bud นั้น มันที่สุดในทุก ๆ ด้านจริง ๆ ครับ เรามาดูกันว่า มันที่สุดด้านใดบ้าง

ออกแบบห่วยที่สุด

มันเป็นอย่างแรกเลยที่ผมต้องพูดถึง นั่นคือการออกแบบ มันเป็นหูฟังที่ออกแบบได้ อุบาทว์ ที่สุดตั้งแต่ผมเคยพบเคยเห็นมา ตั้งแต่เกิดมาเลยก็ว่าได้ ผมจะรีวิวให้ดูทีละอย่าง ว่ามันออกแบบเป็นยังไงบ้าง

Package ที่เห็นแว๊บแรก คือ กล่องสี่เหลี่ยมจตุรัส (- -") ที่ครอบด้วย กระดาษจะขาดแหล่ไม่ขาดแหล่ ใส่ในเป็นกล่องกระดาษอัด ถ้าเป็นคนปกติธรรมดามาเห็น คงไม่ซื้อมันแน่ เมื่อเทียบกับราคา

เมื่อเปิดกล่อง


เมื่อเปิดกล่องออกมา ก็แทบจะร้องออกมาว่า นี่... มัน...อะไรวะเนี่ย แย่กว่าที่คิดไว้อีก ข้างในจะเรียงรายไว้ด้วย ฟองน้ำหูฟัง แจ็คแปลงเป็นหัวใหญ่ กล่องคล้าย ๆ กล่องแป้งเปียก หรือ กล่องฟิล์ม สมัยก่อน คู่มือที่เหมือนเศษกระดาษ แถมเป็นภาษาจีนอีกต่างหาก นี่มัน.. ไว้อาลัยสามนาที


เมื่อถึงตอนนี้ ผมให้ตั้งราคาไว้ในใจเลยว่าเท่าไหร่ ทุกคนต้องคิดว่า ไม่เกิน 300 แน่นอน

เปิดกล่องแป้งเปียก 

เอาว่ะเรายังไม่หมดหวัง หูฟังราคาขนาดนี้ มันต้องมีอะไรดีบ้าง เลยรีบเปิดกล่องแป้งเปียกสีดำทันที ปรากฏว่า...
ไม่ผิดหวังครับ T^T ตัวหูฟังหน้าตาไม่ผิดกันกับ package ข้างนอกเลยครับ.... เหมือนหูฟังข้างถนน ตอนนี้ทุกคนคงตีราคาเหลือ 50 บาท

เมื่อรื้ออุปกรณ์ทั้งหมดของมันแล้ว ก็ยังประเมินค่ามันไม่ได้ (หาค่ามันไม่ได้นั่นเอง)

ใช้งานยากที่สุด

หูฟังตัวนี้ เป็นหูฟังที่ใช้งานยากที่สุด เพราะว่าไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวคนเดียว เนื่องจาก ความต้านทานมันเยอะมาก จะทำให้กำลังของเครื่องเล่นทั่วไป ขับมันออกมาไม่หมด ทำให้เสียงมันไม่เพราะอย่างที่ควรจะเป็น ดังนั้น จึงต้องใช้ Amp ในการช่วยขับ ของผมมีอยู่แล้ว คือ iBasso D2+ 


นอกจาก Package ไม่น่าสนใจแล้ว ยังยุ่งยากในการใช้งาน เสียอีก น่าโยนทิ้งจริง ๆ

เสียงที่เป็นที่สุด

แต่ทว่า ไหน ๆ ก็ซื้อมาแล้ว ลองฟังมันซักหน่อย จะสมกับราคามันมั้ย เลยลองต่ออุปกรณครบ กับ iPhone 3G ธรรมดา สภาพ เลยเป็นอย่างที่เห็น

แล้วจะพกไปไหนได้ล่ะเนี่ย จากนั้นผมเลยลองเปิดเพลงฟัง เพลงที่ใช้เป็นเพลงแบบ Lossless และฟังเทียบกับเจ้า PK2 สรุปได้ว่า

เสียงเบส

เบสที่ออกมา เป็นลูก ๆ เลยครับ แต่ไม่แน่นจนอึดอัดไปหมด เหมือนหูฟังเน้นเบสทั่ว ๆ ไป เมื่อเทียบกับ PK2 ที่ไม่ค่อยมี Base แล้ว ทำได้ดีกว่ามากกก

เสียงกลาง

เสียงกลาง ผมรู้สึกว่าเบากว่า PK2 นิดหน่อย แต่นุ่มละมุนมากครับ ไม่แข็งเหมือน PK2 แต่ออกมาชัดเจน เหมือนคนมาร้องตรงหน้าให้ฟังเลยก็ไม่ปาน

เสียงสูง

ปกติ เสียงสูงของ PK2 ที่ผมเคยฟัง จะแตกปลาย และค่อนข้างแหบ ในช่วงปลายครับ แต่เจ้า PK1 นี้ทำได้ถึงที่สุดจริง ๆ ไม่มีแผ่วปลายเลย เหมือนมีอะไรทิ่มเข้าไปในรูหูเลยทีเดียวครับ

Sound Stage

โดยปกติผมเป็นคนชอบฟัง Sound Stange ที่กว้าง ๆ ได้ยินเครื่องดนตรีครบ ๆ อย่างเจ้า PK2 แต่พอมาเจอ PK1 แล้ว โอ้ว มันช่างสุดยอด ไม่มีเครื่องดนตรีชิ้นไหนที่่ผมไม่ได้ยิน หรือหลุดไปสักชิ้น ไอ้ที่ไม่เคยได้ยินหรือได้ยินไม่ชัดใน PK2 ก็ได้ยิน เช่น เสียง เชมเบล ของกลอง  นั่นคือเมื่อเทียบกับ PK2 เจ้า PK1 ทำได้ทุกอย่าง แต่พัฒนาทุก ๆ ด้านให้มากขึ้นนั่นเอง

สรุป

โดยสรุป เจ้า PK1 นี้ เป็นที่น่าพอใจสำหรับผมเลยครับ มันสนองความต้องการของผมทั้งหมดที่ขาดไป จาก PK2 และคงไม่ซื้อหูฟังอีกนานเลย เพราะ ภรรยา คงไม่อนุมัติอีกแล้ว ฮาาา ไม่ใช่และ เพราะมันถึงที่สุดของ Ear Bud สำหรับผมแล้วครับ และผมคงไม่เล่น in ear แน่นอน

ถ้าใครสนใจอยากซื้อแนะนำให้ไปลองฟังที่ร้านก่อนนะครับ เพราะท่านเห็นตัวจริงแล้ว ท่านอาจจะไม่ซื้อเลยก็ได้ มันอัปลักษณ์จริง ๆ นะ เฉลยราคาอยู่ที่ 4300 บาท เห็นไม่ผิดหรอกครับ มันราคาเท่านี้จริง ๆ คนปกติดี ๆ เค้าคงไม่ซื้อกัน

ป.ล. เรื่องเสียงเป็นความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ ผมไม่ใช่หูทองอะไรครับ ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ

ขอขอบคุณ Jujeedeeda  http://jujeedeeda.blogspot.com/ 


รีวิว PK2!

อ้างอิงจาก http://www.techxcite.com/



Review : Yuin PK2 พระกาฬบัวหิมะ หูฟังเสียงสวรรค์ในดีไซน์สไตล์ธงฟ้า
คงมีหลายท่านมองหาฟังดีๆสักตัวกันอยู่แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อรุ่นไหนดีวันนี้ TechXcite มีหูฟังดีๆมานำเสนอ โดยเจ้าหูฟังตัวนี้มียี่ห้อว่า YUIN หลายคนสงสัย นี่มันยี่ห้ออะไรไม่เคยได้ยิน ขอบอกไว้ก่อนว่านี่เป็นหูฟังจากเมืองจีนครับ Made in China แท้ๆ  เห็นดีไซน์แล้วอาจส่ายหน้าว่าเอาของอะไรมารีวิวกันเนี่ย หูฟังตัวนี้มีชื่อว่า YUIN PK2 ครับ มันมีอะไรน่าสนใจ ทำไมต้องเอามารีวิว แล้วทำไมต้องเป็นพระกาฬบัวหิมะ เดี๋ยวมาดูกันดีกว่า

เริ่มจากแพ็กเกจหูฟัง YUIN PK2 ก่อนเลยละกัน เห็นแวบแรกนึกว่ากล่องกระปุกครีมบัวหิมะจากเมืองจีน ใช้ดมใช้ทาในกล่องเดียวกัน ไม่ใช่นะครับ หูฟังก็ต้องเอาไว้ใช้ฟัง แต่แพ็กเกจนี่มันสุดยอดความอาร์ต มีลายมังกรจีน แซมด้วยลวดลายเมฆดั่งหูฟังประทานจากสวรรค์ พร้อมโลโก้ชื่อยี่ห้อและชื่อรุ่น ดูไกลๆใครจะคิดว่านี่คือกล่องหูฟัง

ความโดดเด่นยังไม่หมดแค่นี้ครับ เพราะเจ้าแพ็กเกจด้านนอกเป็นกระดาษแข็งธรรมดา แต่ด้านในเป็นกล่องไม้อัดที่เหมือนจะดูดี ข้างในบรรจุอุปกรณ์ต่างๆของหูฟังเอาไว้ ไม่ได้เห็นหน้าค่าตาเลยว่าเป็นยังไง เมืองจีนแอบยัดไส้อะไรมาหรือป่าวหว่า

ข้างในกล่องไม้อัดนั้น มีกระปุกแป้งเปียกสีดำ (หน้าตาเหมือนสุดๆ) มีฟองน้ำแบบโดนัทให้ 2 คู่กับแบบธรรมดาอีก 1 คู่ แถมแจ็คแปลงสำหรับแปลงจากขนาด 3.5 ไป 6.5 มาด้วย ตามด้วยคู่มือภาษาจีน 1 พับและใบรับประกันคุณภาพแบบแฮนด์เมดนั่งทำเองที่บ้านก็ได้อีกใบ มีตราประทับเหมือนในหนังจีนเปี๊๋ยบ ที่เวลาวาดรูปหรือเขียนอะไรเสร็จต้องประทับตราสีแดงๆ

แกะกระปุกดูหูฟังกันเลยดีกว่า อยากรู้นักว่าข้างในเป็นยังไง ช็อค! ครับ ช็อค! นี่มันหูฟังคลองถมสามอันร้อยนี่หว่า ยัดใส่ม้วนๆมาดูไม่มีมูลค่าในกระปุกแป้งเปียก เอาแล้วไง เมืองจีนทำแสบแล้วไง ยัดอะไรมาให้เนี่ย

แอ่น แอน แอ๊น ออกมาแล้วหูฟัง YUIN PK2 ที่ลืมบอกมูลค่าค่าตัวไป เจ้านี่ซื้อมาจากทางร้านมั่นคง Gadget ในราคา 1,990 บาท ... อะไรนะ! หูฟังหน้าตาจิ้มลิ้มราคาเกือบสองพันบาท บ้าไปแล้ว รับไม่ได้ ไม่จริง.. เฮียหลอกดาว!

ด้วยหน้าตาที่ดูมีชาติตระกูลในแบบที่อยากจะตั้งชื่อให้ว่าพระกาฬกิ๊กก๊อก ดีไซน์สไตล์หูฟังธงฟ้าราคา(ไม่)ประหยัด ตัวบอดี้เป็นพลาสติกสีดำ หน้าตาแบบหาได้ตามตลาดนัด สกรีนยี่ห้อ YUIN และชื่อรุ่น PK2 แบบบ้านๆ กับสกรีนบอกข้างหูฟังว่าซ้าย(L)หรือขวา(R) ใช้ไปนานๆอาจมีลอก ส่วนแจ็คเป็นแบบหัวตรงขนาดเล็กแถมหุ้มทองเสียด้วย ยัดใส่ iPhone ได้ไม่ติดเคสครับ และสุดท้ายสายหูฟังเป็นแบบยางยืดหยุ่นดี โดยรวมแล้วเอาไปเลยครับกับคะแนนการดีไซน์ 3/10

แต่ YUIN PK2 ตัวนี้ จุดเด่นไม่ได้อยู่ที่หน้าตาครับ เพราะค่าตัวระดับนี้ต้องมีอะไรไม่ธรรมดาแน่ๆ นั่นคือต้องพิเศษ เอ๊ะเหมือนกันนี่หว่า หูฟัง YUIN PK2 จุดเด่นคือเรื่องเสียงครับ ซื้อหูฟังก็เพื่อใช้ฟังไม่ได้ใช้มอง ดังนั้นอย่าไปสนใจหน้าตา เรื่องของเสียง YUIN PK2 นั้น ถ้าได้ทดลองฟังแล้วต้องบอกว่าทำได้ยอดเยี่ยม ไม่งั้นคงขายไม่ได้ครับเมื่อเทียบกับราคาและหน้าตา

UIN PK2 เด่นในเรื่องของมิติเสียงที่ทำได้กว้างขวาง โอ่อ่า เป็นหูฟังประเภท Earbud ที่ให้มิติเสียงกว้างมากจนเทียบเคียงได้กับพวกหูฟังแบบ Full Size ถามว่ากว้างยังไงอธิบายให้เห็นภาพหน่อย นั่นคือเวลาที่เราฟังเสียงเพลงจะรู้สึกว่าเรานั่งอยู่กลางห้องใหญ่ๆ อารมณ์เหมือนไปดูคอนเสิร์ต แล้วได้ยินเสียงนักร้องมาอยู่ตรงหน้า แต่ในขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงเครื่องดนตรีต่างๆอยู่รอบๆตัวครับ และเจ้า YUIN PK2 นี่ สามารถทำได้ครับ

หลังจากที่ได้เบิร์นมาไม่ต่ำกว่า 50 ชั่วโมง พบว่าเสียงแหลมนั้นจัดจ้าน ซึ่งถ้าไปเจอเพลงที่เน้นเสียงแหลมๆเยอะ ฟังมากๆก็ล้าหูเหมือนกัน ดังนั้นมันจึงเหมาะกับคนที่ชอบฟังเสียงใสๆจากเครื่องดนตรี ซึ่ง YUIN PK2 ได้ในเรื่องความสดใส กรุ๊งกริ๊งกันเลยทีเดียว หลับตาฟังแล้วยังกับเสียงมันพริ้วไหวออกมาเป็นเส้นหมี่ (ไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกันครับ)

ส่วนเสียงกลาง ฟังสบาย ให้ความรู้สึกโปร่งและนุ่มนวลมาก เวลาฟังพวกเสียง Percussion นั้นจะสนุกมากๆ เพราะให้ความชัดเจนและพริ้วไหวมากๆ และที่สำคัญคือเสียงของเครื่องดนตรีนั้นแยกแยะชัดเจนไม่ตีกัน ส่วนเสียงร้องนั้นฟังสบายสไตล์อบอุ่น คือฟังแล้วชัดเจนนิ่มนวล สรุปง่ายๆฟังแล้วเพราะครับ นอกเสียจากจะเอาไปเปิดฟังคุณพุด เดชอุดม

มาฟังเรื่องเสียงต่ำหรือเสียงเบส ฟังได้เพลินๆเลย ฟังนิ่มๆชัดเจนดี และมาเป็นโน้ตฟังชัด แต่ไม่ได้ออกมาแบบกระแทกกระทั้น เบสตึ้บๆทุบหน้าอกเหมือนลำโพงดีเจรถบัมพ์ คนที่ชอบเบสหนักๆอาจจะขัดใจเพราะไม่ได้ออกมาเสียงดังหนักแน่น แต่ออกมาในแนวนุ่มนวลมากกว่า

สำหรับ YUIN PK2 ตัวนี้โดยรวมแล้วให้เสียงที่เด่นชัด โดยเฉพาะในเรื่องของความสดใสของเสียงรวมถึงการแยกแยะเสียงของเครื่องดนตรี และมิติของเสียงที่ยอดเยี่ยมในระดับราคาที่เทียบกันตัวต่อตัวแล้ว หลายคนต้องยกนิ้วให้ และด้วยความที่มันฟังสบาย ฟังง่าย เข้ากันได้กับแนวเพลงหลายๆแนวทำให้ YUIN PK2 ถือเป็นตัวเลือกหนึ่งของหูฟังในตลาดที่น่าสนใจไม่น้อยเลยในระดับราคานี้และชอบหูฟังประเภท Earbud

รุปสั้นๆง่ายๆเลยครับ ข้อดีและจุดเด่นก็คือ เอามาฟังเพลงแล้วมีความสุข เพราะเสียงของ YUIN PK2 ฟังสบาย เข้าถึงง่าย และได้รายละเอียดครบถ้วนไม่ต้องเพ่ง แถมความใสกังวานเด่นมากๆ ยิ่งฟังพวกแนวแจ๊ส หรือพวก Bossa นี่เพลินเลย แถมต่อพ่วงกับ iPhone กับไฟล์เพลงธรรมดา ไม่ถึงขนาดไฟล์ Lossless ก็ไพเราะเสนาะหู จนสงสัยว่าหูฟังหน้าตาเหียกๆแบบนี้มันมีผีจีนสิงอยู่หรือเปล่า

ส่วนข้อสังเกตนิดหน่อย ก็น่าจะเป็นหน้าตาดีไซน์ไม่น่าโดนขโมย และเสียงเบสที่ออกมาน้อยไปสำหรับผู้บริโภคเบสเป็นประจำ แถมด้วยว่าการเก็บเสียง ป้องกันเสียงรบกวนภายนอกสู้พวก In-Ear หรือ Full Size ไม่ได้ครับ เรื่องปกติของหูฟังแบบ Earbud!

ขอขอบคุณ น้าป๋วย TechXcite http://www.techxcite.com/